เดอะเดอร์เดวิล

มุมมองของเฮนรี่

ไม่น่าทำแบบนั้นลงไปเลย!

ผมรู้ว่าเมื่อกี้ผมดูมั่นใจกว่านี้ แต่ให้ตายเถอะ! หมอนี่ต้องฆ่าผมแน่!

หัวใจผมเริ่มเต้นรัวเร็วเสียจนคิดว่าจะหัวใจวายตายเสียแล้ว ประกายตาดุร้ายในตาของเขาน่ากลัวมาก! ชั่วขณะหนึ่งผมคิดว่าเขาจะเข้ามาทำร้ายผมเสียอีก แต่เขากลับจัดสูทให้เข้าที่แล้วจ้องผมเขม็ง

“นายคิดจริง ๆ เหรอว่าจะสู้ฉันชนะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงดูแคลน

ไม่! ไม่เลย! คุณจะฝังผมทั้งเป็น!

“คุณทำร้ายผมก่อนนะ!”

“ฉันขอโทษเรื่องนั้น” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง เขาดูไม่โกรธเหมือนเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนายหรืออะไรทั้งนั้น แค่โมโหไปหน่อย”

เดี๋ยวเดียวนะ หมอนี่กำลังขอโทษผมอยู่จริง ๆ เหรอ เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนสัตว์ป่าอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาขอโทษเนี่ยนะ ผมไม่เข้าใจเขาเลย! เหมือนกับว่าเขามีสองบุคลิกอย่างกับคนละคน! แล้วเรื่องรสนิยมทางเพศของเขาก็ยังทำผมงงเป็นไก่ตาแตกอยู่เลย!

ผมอดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่อยากถามเขามาตั้งแต่เมื่อวานที่เห็นเขาจูบกับผู้หญิง

“คุณเป็นเกย์เหรอ หรือว่าเป็นชายแท้”

ทันทีที่ถามออกไปผมก็รู้ตัวว่ามันฟังดูโง่แค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังถามต่อ “หรือว่าเป็นไบ”

แล้วเขาก็เป็นอีกแล้ว สีหน้าของเขากลายเป็นอ่านไม่ออก...อีกแล้ว! ไม่สิ เดี๋ยวนะ นั่นคือความโกรธเหรอ

“นี่เป็นเพราะเรื่องคืนนั้นใช่ไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก

“ก็ใช่น่ะสิ” ผมตอบ “เพราะคุณทำให้ผมสับสน ผมเห็นคุณจูบกับผู้หญิง ทั้งที่เราเพิ่งมีอะไรกันไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน!”

“อย่างที่ฉันเคยบอก ถ้านายลืมคืนนั้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องลืม” เขาตอบช้า ๆ “และถ้าการอยู่ใกล้ฉันทำให้นายอึดอัดมากนัก นั่นก็เป็นปัญหาของมึง ไม่ใช่ปัญหาของกู และอีกอย่าง มึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่น้อยที่จะมาตั้งคำถามเรื่องรสนิยมทางเพศของกู ในฐานะผู้ช่วยของกู ก็จงตั้งใจทำงานของมึงไป แล้วก็ทำในสิ่งที่ถูกคาดหวังไว้ให้ได้! อ้อ แล้วถ้ามึงยังทำเรื่องบ้า ๆ เหมือนวันนี้อีกนะ มึงจะได้ไปนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ข้าง ๆ แม็กกี้แน่”

พระเจ้า! นั่นแหละความโกรธ! เขาโกรธอีกแล้ว! เป็นที่แน่ชัดแล้ว เขามีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! หมอนี่มันบ้าไปแล้ว!

แล้วตอนนี้เขาก็ไม่ได้ล้อเล่นด้วย! นี่ใช่ไหมคือเหตุผลที่พนักงานทุกคนกลัวเขา เขาน่ากลัวมาก! ผมรู้ว่าเขาดูน่าเกรงขามตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน แต่อย่างน้อยตอนนั้นเขาก็ยังดูใจดีอยู่บ้าง พระเจ้า ผมพาตัวเองเข้ามาเจอกับอะไรเนี่ย

“ฉันพูดชัดไหม” เขาตวาด

ผมพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ทีนี้ก็ไสหัวของแกออกไปจากประตูได้แล้ว!”

“ผม... ผมต้องเปลี่ยนเสื้อ” ผมพูดเสียงแหบ “คุณทำเสื้อผมยับ”

“แกคิดว่ากูแคร์ตายห่าสิ!” เขาตวาดอีกครั้งจนผมสะดุ้งด้วยความกลัว ผมคว้ารข้าวของแล้วมุ่งหน้าออกจากประตูไป

เมื่อก่อนผมแค่รู้สึกเกร็งและรำคาญในหน้าตาของเขา แล้วก็อึดอัดที่ต้องอยู่ใกล้ ๆ แต่ตอนนี้ผมกลัวเขาจริง ๆ แล้ว ผมไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะต้องมากลัวใครสักคนได้มากขนาดนี้

เขาเดินออกมาแล้วผมก็ล็อกประตู ผมรีบจ้ำอ้าวไปยังลิฟต์โดยมีเขาเดินตามอยู่ข้างหลัง

รถของเขาจอดอยู่ริมขอบทางพอดี

การเดินทางเหมือนตกนรก แต่โชคดีที่เรามาถึงออฟฟิศแต่เช้า ผมสังเกตเห็นทุกคนตัวแข็งทื่อแล้วเปลี่ยนเข้าสู่โหมดทำงานทันทีที่เราเดินเข้าไป

ผมเข้าใจพวกเขาเลย พวกเขากลัว ผมก็กลัวเหมือนกัน

เขาเดินเข้าห้องทำงานของเขาไป ส่วนผมนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง ผมไม่มีสมาธิเลย ผมยังรู้สึกมึนหัวจากเรื่องเมื่อคืนและเหตุการณ์เมื่อเช้านี้

ถ้าเกิดเขาทำร้ายผมขึ้นมาตอนนั้นล่ะ ผมจะทำยังไง โธ่เว้ย! แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว!

ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว บ่ายนี้เรามีประชุมบอร์ด และผมต้องตั้งสติให้ดี ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องพักซึ่งมีตู้ขายของอัตโนมัติอยู่

ผมกดเอสเพรสโซแก้วหนึ่งแล้วกระดกลงคอรวดเดียว

มีผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในตอนนั้นพอดี

ผู้ชายคนนั้นดูธรรมดา ๆ แต่มีกล้ามและค่อนข้างน่ารัก เขาเป็นผู้ชายสเปกผมเลย ส่วนผู้หญิงคนนั้นตัวสูงโปร่ง ผมบลอนด์ยาวตรง เธอดูเหมือนพวกนางแบบไม่มีผิด

“สวัสดีครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดพลางยื่นมือมาจับกับผม ผมจับมือเขา มันทั้งแน่นและนุ่มนวล

“สวัสดีครับ” ผมตอบกลับ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ตาทั้งคู่ของเขาก็สวยเหมือนกัน แต่ไม่สวยเท่าของเชน

“เมื่อวานเรายังไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกันเลยนะครับ” เขาพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ขณะที่ดึงมือกลับ “เมื่อวานคุณมีงานต้องทำเยอะเลยใช่ไหมครับ”

“เยอะมากเลยครับ” ผมตอบ “ขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อวานไม่ได้แนะนำตัว”

“ไม่เป็นไรเลยครับ” เขาพูด

“ผมชื่อเฮนรี่ โจนส์นะครับ” ผมบอก

“อ้อ เรารู้ครับ” ผู้ชายคนนั้นพูด “เมื่อวานมีการแนะนำตัวคุณไปแล้ว ผมชื่อคอนราดครับ” จากนั้นเขาก็ผายมือไปทางผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ “และนี่คือ...”

“แบลร์ค่ะ” หญิงสาวพูดต่อให้จบประโยค พลางส่งยิ้มให้ผม “แล้ว... การทำงานให้คุณเวลส์เป็นยังไงบ้างคะ”

“น่ากลัวครับ” ผมตอบพลางจิบเครื่องดื่ม

คอนราดหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน “ใช่เลยครับ พูดแล้วก็อยากจะเล่า เขาค่อนข้างน่ากลัวจริง ๆ เวลาที่เขาอยากจะเป็น”

“มาดูกันว่าคุณจะอยู่ได้นานแค่ไหน” แบลร์เสริม

“คุณหมายความว่ายังไงครับ” ผมถามด้วยความสงสัยจริง ๆ หรือบางที... ผมอาจจะแค่อยากฟังเรื่องซุบซิบก็ได้

“คุณรู้ไหมว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไล่เลขาออกไปกี่คนแล้ว” แบลร์พูดต่ออย่างตื่นเต้นที่จะได้นินทา “เป็นร้อย ๆ คนเลย เขาไม่ทนกับความซุ่มซ่ามหรือการมาสาย เขาดังเรื่องไล่ผู้ช่วยออกด้วยเหตุผลงี่เง่าที่สุด”

“เชื่อไหมล่ะครับ เขาเคยไล่ผู้ช่วยคนหนึ่งออกเพราะชงกาแฟให้ผิด” คอนราดเสริม “แล้วก็ไล่อีกคนออกเพราะจามในที่ประชุมบอร์ด”

“โอ๊ะ! แล้วจำได้ไหมว่าทำไมเขาถึงไล่แชดออก” แบลร์เสริม

“โอ้! จำได้สิ! เขาไล่แชดออกเพราะภรรยาของเขาป่วย แล้วแชดก็เลยขอลางานวันหนึ่ง เขาไม่ยอม พอแชดไม่มาทำงานในวันนั้น เขาก็ไล่ออกโดยมีผลทันทีเลย” คอนราดพูดอย่างตื่นเต้น “เชื่อได้ไหมล่ะครับ เขามันเหลือทนจริง ๆ!”

เออ พูดมาได้เลย

“โอ้ แล้วจำได้ไหมว่าเขาได้ฉายา ‘เดอะแดร์เดวิล’ มาได้ยังไง” แบลร์ถาม

คอนราดหัวเราะ “เรื่องนั้นจะลืมได้ยังไงล่ะครับ สเตซี่เป็นคนตั้งชื่อนั้นให้เขา เพราะเธอดันไปให้ความเห็นกับเขา... ซึ่งเขาก็เป็นคนถามเองนะ... แต่เขาดันไม่ชอบมัน ให้ตายสิ!”

“มีแค่แม็กกี้คนเดียวที่ทำงานที่นี่ได้ถึงห้าปี” แบลร์พูดต่อ “มาดูกันว่าคุณจะอยู่ได้นานแค่ไหน”

ผมไม่อยากอยู่ทน! ผมอยากโดนไล่ออก!

ผมทำเรื่องที่แย่กว่าพวกนี้ทั้งหมดอีก! แล้วทำไมเขาถึงไม่ไล่ผมออกไปให้พ้น ๆ สักทีวะเนี่ย ให้ตายสิ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป